ดู: 8620|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

New Mitsubishi "Pajeroo Sport 2015" spec เทพ จัดเต็ม

[คัดลอกลิงก์]
“มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่”โดดเด่นด้วยการออกแบบด้านหน้าในสไตล์ “Dynamic Shield” (ไดนามิก ชิลด์) เอกลักษณ์เฉพาะของรถยนต์มิตซูบิชิ ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Bi-LED พร้อมระบบปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบสเปคตรัม LED (Spectrum LED Daytime Running Light) (เฉพาะรุ่น  GT และ GT- Premium) เช่นเดียวกับไฟท้ายแบบสเปคตรัม LED  (Spectrum LED) เพิ่มความสวยงามล้ำสมัยด้วยการออกแบบแนวตั้งมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งในระยะใกล้และระยะไกล
      
        กันชนหน้าได้รับการออกแบบใหม่ให้โค้งมนซึ่งนอกจากจะช่วยลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานแล้ว ยังช่วยในการปกป้องทั้งผู้โดยสารและตัวรถได้เป็นอย่างดี  โป่งข้างซุ้มล้อหน้า-หลัง ออกแบบใหม่ ในขณะที่บันไดข้าง กันโคลน และฟังก์ชั่นอื่นๆ ได้รับการออกแบบให้ลงตัวกับตัวรถ พร้อมเส้นสายของตัวรถที่ให้อารมณ์ของการขับเคลื่อนไปข้างหน้า
      
        ในส่วนล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 18 นิ้ว สีทูโทนสำหรับรุ่น GT- Premium และสีเงินสำหรับรุ่น GT และรุ่น GLS- LTD
        
        โดยมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต  ใหม่ มี 5  สีให้เลือก ได้แก่ สีเงิน (Sterling Silver) สีขาวมุก (White Pearl) สีเทาไทเทเนียม (Titanium Grey Metallic)  สีดำ (Black Mica) และ สีน้ำตาล (Deep Bronze Metallic







        

        ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยโทนสีดำ พร้อมการตกแต่งแบบสีเงิน ซิลเวอร์ เดคคอเรชั่น ผสมผสานกับสีดำแบบ Piano Black ที่บริเวณแผงคอนโซลหน้า แผงประตู และคอนโซลกลาง ล้ำสมัยด้วยการออกแบบคอนโซลแบบทีเชพ-ไฮคอนโซล (T-Shape High Console) ด้วยการยกคอนโซลกลางให้สูงขึ้นเพิ่มความหรูหราและสะดวกในการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ทั้งเกียร์ ปุ่มปรับเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (เฉพาะรุ่น GT- Premium)  และปุ่มเบรกมือไฟฟ้า (ครั้งแรกที่ติดตั้งในรถยนต์มิตซูบิชิ)
        
        พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบ 4 ก้าน สามารถปรับตำแหน่งได้ 4 ทิศทาง พร้อมสวิตช์ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ บนพวงมาลัย ขณะที่มาตรวัดความเร็วและความเร็วรอบดูง่ายชัดเจนพร้อมจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ (Multi-information display)  ที่แสดงผลข้อมูลได้หลากหลาย ทั้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทางขับขี่ที่เหลือจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง รวมถึงแสดงการขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในสภาพพื้นผิวถนนที่แตกต่างกันเมื่อเลือกโหมดการขับขี่แบบออฟโรด
      
        เบาะนั่งได้รับการออกแบบใหม่ (ergo seat design) ให้โอบรับกับสรีระของผู้นั่งมากยิ่งขึ้น โดยคู่หน้าปรับระดับได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า ในขณะที่เบาะนั่งแถวที่สองสามารถแยกพับแบบ 60:40 ซึ่งพนักพิงสามารถปรับเอนและพับไปข้างหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใช้งาน  ส่วนเบาะนั่งแถวที่สามสามารถแยกพับให้ราบไปกับพื้นห้องโดยสารเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้มากขึ้น
      
        ขนาดตัวถังใหม่พร้อมการปรับระบบช่วงล่างใหม่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ พร้อมออกแบบจุดยึดตัวถังให้ใหญ่ขึ้นช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนเข้าสู่ห้องโดยสารให้ความนุ่มนวลในการขับขี่อีกทั้งยังช่วยให้การควบคุมรถทำได้ดีขึ้น ประกอบกับการเพิ่มอุปกรณ์ซับเสียงตามจุดต่างๆ ภายในห้องโดยสาร และเพิ่มฉนวนเก็บเสียง วัสดุดูดซับเสียงและลดการสั่นสะเทือนในส่วนต่างๆ ที่สำคัญของเครื่องยนต์ ทำให้ได้มาซึ่งห้องโดยสารที่เงียบที่ขึ้น
      
        ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระแบบปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยส์ปริงและเหล็กกันโคลง และระบบกันสะเทือนหลังแบบทรีลิงค์ ทอล์คอาร์ม พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงและเหล็กกันสะบัดเพลาหลัง โดยการปรับตั้งค่าสปริงและโช้คอัพใหม่ทั้งหน้าและหลังช่วยเพิ่มการทรงตัวเมื่อเข้าโค้งและเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่

        

        เครื่องยนต์ดีเซลรหัส 4N15   แบบ 4 สูบ ไมเวค คลีนดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร  เทอร์โบแปรผัน พร้อมการฉีดน้ำมันด้วยอัตราส่วนกำลังอัดต่ำเพียง 15.5:1 โดยให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่  2,500 รอบต่อนาที  
        
        สำหรับเครื่องยนต์แบบอลูมินัม อัลลอย บล็อก (Aluminum Alloy Block) ที่น้ำหนักเบา  เมื่อประสานการทำงานของระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 สปีด  จึงประหยัดน้ำมันขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่านมา และปล่อยค่ามลพิษที่ต่ำกว่า 200 กรัม / กิโลเมตร ภายใต้โครงสร้างภาษีใหม่ที่จะประกาศใช้ในเดือนมกราคม 2559 นี้  
        
        นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยควบคุมและตัดกำลังไปยังเพลาขับโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรก (Idle neutral control) เพื่อลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์และลดการสูญเสียเชื้อเพลิงในขณะรถหยุดนิ่งเมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่ง “D” ท่ามกลางสภาพการจราจรที่แออัดส่งผลให้ประหยัดน้ำมันในทุกการขับขี่และลดการสึกหรอของระบบเกียร์ช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ให้ยาวนานขึ้น พร้อมด้วยระบบ G-SENSOR ช่วยควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้มีความแม่นยำมากขึ้นในทางลาดชัน
      
        ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมระบบ Super Select 4WD–II ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) แบบ Full-time  All Wheel Control และสามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็น 4HLc หรือ 4LLc เมื่อต้องการขับขี่บนเส้นทางแบบออฟโรดได้ตามความต้องการและง่ายขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า
        
        โหมดขับเคลื่อนแบบออฟโรด ในรุ่น GT-Premium ที่สามารถเลือกการขับขี่เพื่อรองรับสภาพเส้นทางออฟโรดได้ถึง 4  รูปแบบ (ครั้งแรกในมิตซูบิชิ) โดยจะสัมพันธ์กับการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน และเบรกทำให้สามารถขับเคลื่อนผ่านสภาพเส้นทางต่างๆ ไปได้   
                •        GRAVEL           เหมาะสำหรับขับขี่บนถนนลูกรังที่มีกรวดและดิน
               •        MUD/SNOW         เหมาะสำหรับขับขี่ในบริเวณที่เป็นโคลนหรือหิมะหนา
               •        SAND                เหมาะสำหรับขับขี่ในบริเวณที่เป็นทรายละเอียด
                •        ROCK                เหมาะสำหรับขับขี่บนถนนที่พื้นผิวขรุขระเช่นมีหินมากหรือล้อลอยจากพื้น

        ระบบความปลอดภัยของปาเจโร สปอร์ต ใหม่
      
        - ระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบช่วยเสริมแรงเบรก (BA) รวมไปถึงระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก (Brake Override System) ทำให้เบรกได้ง่ายและปลอดภัยขึ้น
      
        - ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS : Emergency Stop Signal System) จะทำงานเมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรกอย่างกะทันหัน หรือเมื่อระบบ ABS ทำงาน โดยไฟฉุกเฉินจะกะพริบต่อเนื่องจนกว่าจะปล่อยเบรกหรือรถหยุดสนิทเพื่อแจ้งให้รถคันหลังทราบ
      
        - ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA : Hill Start Assist) ป้องกันการลื่นไหลในกรณีที่ต้องเบรกรถบนทางชันและต้องออกตัวอีกครั้ง
      
        - ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC : Hill Descent Control) ช่วยรักษาระดับความเร็วของรถด้วยการควบคุมการเบรกให้สอดคล้องกับสภาพการขับขี่เมื่อต้องขับขี่ผ่านเส้นทางแบบออฟโรด และลงทางลาดชัน หรือทางลาดลื่น โดยระบบจะทำงานเมื่ออยู่ในช่วงความเร็ว 2-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (เฉพาะรุ่น GT- Premium)
        
        - เบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้าติดตั้งบริเวณคอนโซลกลางสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน
      
        - ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ( ASTC : Active Stability & Traction Control)
        
        - ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM-Forward Collision Mitigation System) จะทำงานโดยใช้เรด้าประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนเพื่อให้เบรกรถ พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก เพื่อให้ประสิทธิภาพในการเบรกที่ดียิ่งขึ้น และเมื่อความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม. ระบบช่วยเบรกจะทำงานอัตโนมัติ เมื่อพบว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน เพื่อบรรเทาความเสียหายจากการชน (เฉพาะรุ่น GT และ GT-Premium )
        
        - กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ (Multi-around Monitor) ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อประมวลผลและแสดงภาพแบบ Bird’s Eye View ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพได้รอบตัวรถ เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการจอดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
      
        - ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS-Ultrasonic misacceleration Mitigation System) ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตร้าโซนิคตรวจจับวัตถุด้านหน้าหรือด้านหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร ในขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง "D" หรือ "R" หากมีการเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบจะทำการตัดกำลังเครื่องยนต์ไว้ประมาณ 5 วินาที ทั้งนี้ระบบจะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดจากการชน
      
        - ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW - Blind Spot Warning) ทำงานโดยการใช้คลื่นอัลตร้าโซนิค ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณมุมกันชนทั้ง 4 ด้าน โดยระบบจะส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตาซึ่งไม่สามารถมองเห็นจากกระจกมองข้าง ในขณะเดียวกันเมื่อเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือนพร้อมสัญญาณเตือนไฟกระพริบบนกระจกมองข้าง ทั้งนี้ระบบจะทำงานที่ความเร็ว 20 - 140 กม./ชม. ในระยะไม่เกิน 3 เมตร เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการเปลี่ยนช่องจราจร (เฉพาะรุ่น GT-Premium )
        
        - ถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS สำหรับทุกรุ่น โดยในรุ่น GT-Premium มาพร้อมถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ได้แก่ถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS โดยทำงานร่วมกันกับระบบเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ 2 ทิศทางพร้อมระบบผ่อนแรงโนมัติ ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ถุงลมนิรภัยหัวเข่าด้านคนขับและม่านถุงลมนิรภัย
      
        สำหรับ“มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่” พร้อมให้ยลโฉมที่“มหกรรมยานยนต์เพื่อขายแห่งชาติ : Bangkok International Grand Motor Sale 2015 (BIG Motor Sale)” ระหว่างวันที่ 1-9 สิงหาคมนี้ ที่ไบเทค บางนา และที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิ 220 แห่งทั่วประเทศ พร้อมส่งมอบรถให้ลูกค้าได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้

รุ่นราคาช่วงแนะนำ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2558ราคาปกติตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป
GT- Premium (4WD)1,399,000*1,450,000
GT (2WD)1,250,0001,250,000
GLS-LTD (2WD)1,138,0001,138,000


หน่วย : บาท
      
        *เป็นราคาพิเศษเฉพาะช่วงเปิดตัวสำหรับรุ่น GT-Premium (4WD) โดยลูกค้าที่จองรถและรับรถจะต้องเป็นบุคคลคนเดียวกัน หรือ ญาติ เท่านั้น (ญาติ หมายถึง ญาติของผู้จอง ซึ่งกำหนดไว้ดังนี้ 1.คู่สมรสของผู้จอง 2.บุตรของผู้จอง 3.บิดามารดาของผู้จอง หรือบิดามารดาของคู่สมรสของผู้จอง 4.พี่ชาย, น้องชาย, พี่สาว, น้องสาวของผู้จอง หรือ ของคู่สมรสของผู้จอง ทั้งนี้ บุคคลดังกล่าวต้องมีความสัมพันธ์ที่ชอบด้วยกฎหมายกับผู้จอง)
        
        
        
        
        
        
        
        
        
        
        
        
        
        
        
        
        
        
        
        
        

Credit : http://manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9580000086728

Pajero1.jpg (66.5 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 402)

Pajero1.jpg
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | .

รายละเอียดเครดิต

ขึ้นไปด้านบน